หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 อันดับเมืองที่มีตึกระฟ้า เยอะที่สุดในเอเชีย


10 อันดับเมืองที่มีตึกระฟ้า เยอะที่สุดในเอเชีย

อันดับ ที่ 1



Tokyo เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และอันดับต้นๆ ของโลก โตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีประชากร ตามสัมโนครัวประมาณ 13 ล้านคน
แต่หากนักรวมในจังหวัดโตเเกีัยว และเขตปกครองพิเศษที่เกี่ยวข้อง จะมีประชากร ถึง 25 ล้านคน
ไม่แปลก ที่เมืองนี้จะเป็นศูนย์รวมต่างๆ ของญี่ปุ่น และของโลก


อันดับ 2 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง



ฮ่องกงมีจำนวน ประชากรกว่า 6.99 ล้านคน ในปี 2549 ความหนาแน่นของประชากร 6,300 คนต่อตารางกิโลเมตร ประชากรส่วนมากป็นชาวจีน มีร้อยละ 3 เป็นชาวต่างชาติ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอเมริกัน ฯลฯ ภาษากวางตุ้งซึ่ง เป็นภาษาที่มีถิ่นพูนตั้งแต่มณฑลกวางตุ้งของจีนเรื่อยมาจนถึงฮ่องกงได้กลาย มาเป็นภาษาราชการของฮ่องกง ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นของภาษาของเจ้าอาณานิคมก็ยังคงเป็นภาษาราชการร่วมซึ่งถูก ใช้พูดมากกว่า 38 เปอร์เซ็นของประชากร ก็เป็นภาษาที่ใช้แพร่หลาย ส่วนภาษาจีนท้องถิ่นอื่นเช่นแต้จิ๋ว หรือจีนแคะฯลฯ ก็มีไม่น้อยเช่นกัน และตั้งแต่ฮ่องกงกลับสู่ใต้การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ การใช้ภาษาจีนกลางใน การติดต่อก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการเข้ามาของชาวจีนแผ่นดินใหญ่และการติดต่อค้าขายระหว่างกัน ถึงแม้ว่าการใช้อักษรจีนนั้นยังนิยมใช้อักษรจีนตัวเต็มอยู่ก็ตาม นอกจากนั้นทางรัฐบาลฮ่องกงได้มีโครงการ "สองแบบอักษร สามภาษา" เพื่อสนับสนุนให้ชาวฮ่องกงใช้ภาษาทั้ง 3 ภาษาร่วมกัน คือภาษากวางตุ้ง จีนกลาง และอังกฤษ


อันดับ 3 เซี่ยงไฮ้



ปัจจุบันเซี่ยงไฮ้กลาย เป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุด ในจีน เต็มไปด้วยร้านค้า สิ่งก่อสร้าง ถนนเต็มไปด้วยรถ จักรยาน และผู้คน สิ่งที่พบเห็นได้มากในเมืองนี้ จนอาจถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ คือต้นเมเปิลที่มีอายุเกือบร้อยปี ซึ่งปลูกโดยในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ มีประชากร ในเขตเมือง ประมาณ 13 ล้านคน ปริมณทน ประมาณ 20 ล้านคน


อันดับ 4 ดูไบ



ดูไบ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีพื้นที่มากกว่า 4,000 ตร.กม. และมีประชากรประมาณ 1,674,527 คน ดูไบ ถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก


อันดับ 5 ฉงชิ่ง



ฉงชิ่ง หรือ จุงกิง เป็นเขตเทศบาลนคร ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีพื้นที่ติดกับมณฑลหูเป่ย์ หูหนัน กุ้ยโจว ซื่อชวนและฉ่านซี ภายในตัวเมืองมีแม่น้ำไหลพาดผ่านหลายสายเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 8 ของจีน มีเนื้อที่ 82,300 ก.ม.² มีประชากร (พ.ศ. 2548) 31,442,300 คน ความหนาแน่น 379/ก.ม.² จีดีพี (2005) (310) พันล้านเหรินหมินปี้ รวมต่อประชากร 8,540 พันล้านเหรินหมินปี้ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น


อันดับ 6 กรุงเทพมหานคร



กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศไทย[3] รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง การเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร ฯลฯ ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกอีกด้วย มีแม่น้ำสำคัญคือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ทำให้แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี (เดิมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเป็นที่ตั้งของกรุงธนบุรี ซึ่งต่อมาภายหลังได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพมหานคร) โดยกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตารางกิโลเมตร มีประชากรตามทะเบียนบ้าน ประมาณ 9 ล้านคน และประชากรแฝง และเขตปริมณฑณ ประมาณ อีก 5 ล้านคน


อันดับ 7 ปักกิ่ง



ปักกิ่ง หรือ เป่ย์จิง (Beijing) (ภาษาจีน: 北京 (ข้อมูล), พินอิน: Běijīng) เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากร ราวๆ 27 ล้านคน ทั้งในเมืองและปริมณฑณ


อันดับ 8 เมือง Guangzhou (กว่างโจว )



กว่าง โจว กวางโจว หรือ กวางเจา (จีนตัวเต็ม: 廣州, จีนตัวย่อ: 广州 Guǎngzhōu หรือ Gwong2 zau1 ในภาษาจีนกวางตุ้ง) เป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง กว่างโจวเป็นเมืองใหญ่สุดทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นมณฑลซึ่ง เป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งของจีน คือ เซินเจิ้น จูไห่ และ ซัวเถา นอกจากนั้นเมืองกว่างโจวยังมีสำเนียงเฉพาะถิ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของ ฮ่องกง และมาเก๊า เรียกว่า สำเนียงกว่างโจวอีกด้วย


อันดับ 9 เมือง Singapore



สิงคโปร์ (อังกฤษ: Singapore) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสิงคโปร์ (อังกฤษ: Republic of Singapore) เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากร ประมาณ 4,839,400 คน


อันดับ 10 เมือง Istanbul



อิสตันบูล (ตุรกี: İstanbul) เดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)

บ้านในอนาคต



บ้านในอนาคต

บ้านสุดล้ำแห่งอนาคตจากดิสนีแลนด์
ตั้งแต่ปี 1967 ดิสนีย์ให้กำเนิดคอนเซ็ปต์ "House of the Future" หรือบ้านแห่งอนาคต จากการจัดนิทรรศการโชว์ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าสมัยในยุคนั้น …


ล่าสุดดิสนีย์แลนด์ขยับตัวอีกครั้ง โดยวางแผนที่จะสร้าง "House of the Future" เวอร์ชั่นใหม่ ในบริเวณสวนสาธารณะ Tomorrowland ที่ดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ต แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในครั้งนี้ทุ่มงบฯลงทุนกว่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมจับมือยักษ์ใหญ่แถวหน้าของวงการไอที ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์, ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี), ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ LifeWare และผู้รับสร้างบ้าน Taylor Morrison เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเทรนด์ใหม่ล่าสุดในศตวรรษที่ 21 มาจัดแสดง โดยคาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้

House of the Future ใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 5,000 ตารางฟุต มองผิวเผินภายนอกลักษณะเหมือนบ้านที่อยู่ตามชนบททั่วไป ทำจากไม้และเหล็ก แต่ภายในจะแสดงเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่ระบบทัชสกรีนที่ทันสมัยและสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของคน อาทิ ระบบไฟฟ้าหรือเครื่องควบคุมความร้อนซึ่งจะเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้งานก้าวเข้า-ออกห้องต่างๆ กระจกและตู้เสื้อผ้าสามารถแยกแยะเสื้อผ้าหรือแนะนำชุดที่ควรใส่เพื่อให้เหมาะกับงานต่างๆ เลือกสีชุดให้เข้ากันหรือสามารถบอกได้ว่าเสื้อผ้าชุดใดกำลังส่งซักอยู่

แหมถ้าบ้านในอนาคตมันแพงขนาดนี้ขออยู่รูหนูของเราต่อไปก่อนละกันอ่ะ
ที่มา 
บ้านล่องสมุทร : Floating Home

บ้านล่องสมุทร : Trilobis 65 Floating Home


           ผมนำเสนอบ้านแบบต่างๆ ในแนวทางอนุรักษ์นิยมและเศรษฐกิจพอเพียงมาพอสมควร เพราะต้องการให้เกิดค่านิยมใหม่ ในการสร้างที่อยู่อาศัย ให้มีความน่าอยู่ เป็นบ้าน ไม่ใช่ความหรูหรา ความใหญ่โต หรือสร้างเป็นอนุสรณ์ของครอบครัว แต่ไม่น่าอยู่ น่าจะเป็นวังหรือพิพิธภัณฑ์ เสียมากกว่า 


         ในตอนนี้ มานำเสนอเรื่องของบ้านลอยน้ำ ที่มีรูปแบบตรงกันข้าม ก็ไม่ได้ต้องการให้เปลี่ยนแนวความคิด หรือค่านิยมตามนะครับ มานำเสนอในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่และการออกแบบมากกว่า ให้ดูจินตนาการของเขา ประดับความรู้เท่านั้น เพราะเรื่องนี้เคยเขียนไว้ในเรื่อง บ้านแบบยั่งยืนแล้วว่าแนวทางบ้านอนาคตนั้นพัฒนาไปได้ 2 ปีก คือแบบก้าวหน้าล้ำสมัย (แต่ไม่ยั่งยืน) และแบบหวนคืนสู่ธรรมชาติแบบยั่งยืน ซึ่งเหมาะกับเรามากกว่าแต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องปฏิเสธการรับรู้เรื่องของเทคโนโลยี่ ความก้าวหน้าไปเสียทั้งหมด เรามาดูบ้านลอยน้ำกันเลยดีกว่า






          บ้านลอยน้ำนี้ออกแบบให้เป็นบ้านที่ลอยน้ำอยู่ในทะเล แต่ก็มีส่วนที่อยู่ในน้ำด้วย เพราะของที่ลอยน้ำทั้งหลาย ย่อมมีส่วนหนึ่งที่อยู่ใต้น้ำตามน้ำหนักของมัน ดังนั้นเขาก็ออกแบบส่วนใต้น้ำให้เป็นประโยชน์ด้วยทั้งหมด โดยนาย Giancarlo Zema สถาปนิกทางเรือชาวอิตาลี ได้ออกแบบบ้านลอยน้ำ ขนาดความยาว 20 เมตร ความกว้าง 13 เมตร สำหรับครอบครัว 6 คน โดยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน พึ่งตนเองได้ และไม่สร้างมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อม แต่สามารถลอยไปอยู่ที่ไหนก็ได้ทั่งท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ โดยชื่อ Trilobis นี้ ได้ตั้งชื่อมาจากสัตว์โบราณตัวเล็กๆชื่อ Trilobiti ที่อาศัยอยู่ในทะเลมาตั้งแต่เมื่อ 500 ล้านปีที่แล้วมา ตัวบ้านลอยน้ำออกแบบเป็นทรงรีคล้ายไข่ไก่ ให้เหมือนเกาะลอยน้ำ สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 7 น๊อต (เป็นเหมือนเรือยอชท์และเรือดำน้ำผสมกัน) โดยมีแหล่งพลังงานถึง 4 ประเภทคือ เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเยน พลังแสงอาทิตย์ พลังลม และดีเซล



          ตัวบ้านมี 4 ระดับโดยมีบันใดเวียนอยู่ตรงกลาง ชั้นบนสุดอยู่สูง 3.5 เมตร จากระดับน้ำทะเล (บ้านบนดิน เราวัดระดับสูงจากพื้น พออยู่ในน้ำเราก็เอาระดับน้ำมาเป็นเกณฑ์ เช่นกัน) ชั้นที่ 2 อยู่ในระดับ 1.4 เมตร เป็นส่วนที่ใช้เป็นทางเข้าออก ส่วนที่ใช้งานตอนกลางวันได้แก่ส่วนนั่งเล่น ทานอาหาร ครัวและส่วนบริการต่างๆ ส่วนด้านบนของบ้านจะดูเหมือนเป็นกระจกใสชมวิว แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นกระจกสองชั้นที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ (electrolyte material) คือเปลี่ยนพลังงานความร้อนของแดดที่ส่องผ่านเข้ามาในส่วนนี้ ชั้นที่สาม จะอยู่ที่ระดับ 0.8 เมตร ใต้ระดับน้ำทะเล เป็นส่วนที่ใช้งานในช่วงกลางคืน คือห้องนอนเป็นหลัก 4 ห้องนอน ห้องนอนคู่ 2 ห้องและห้องนอนเดี่ยว 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่ออยู่ใต้ระดับน้ำแล้ว เรื่องอากาศหายใจ ก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยในการระบาย ถ่ายเทอากาศ ไม่สามารถปล่อยตามธรรมชาติได้ ชั้นล่างสุด อยู่ใต้ระดับน้ำ 3 เมตร ออกแบบเป็นหอสังเกตการณ์ใต้น้ำ เป็นกระจกใสโดยรอบ และเป็นส่วนที่เป็นแหล่งพลังงาน ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาด 300 แรงม้า 2 ตัว ขับเคลื่อนด้วยเซลล์ไฮโดรเยน ซึ่งมีจำนวนจำกัด (ไม่ถึงกับจะแล่นข้ามมหาสมุทรไปไกลๆได้ แต่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่ตั้งเพื่อไปสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงของท้องทะเลหรือแนวปะการัง บริเวณริมฝั่งทะเลได้ 









         ภาพแสดงระบบพลังงานทั้ง 4 แหล่งที่นำมาใช้

        นอกจากบ้านลอยน้ำนี้แล้ว สถาปนิกยังได้ออกแบบเกาะลอยสำหรับเป็นท่าเทียบสำหรับบ้านลอยน้ำนี้อีกด้วย เพื่อบริการหลังการขายได้ครบวงจรเลยทีเดียว ใครสนใจอยากได้ก็เตรียมเงินไว้สัก 130-165 ล้านบาท ไว้รอซื้อได้เลย ไม่แพงจริงๆ คริ คริ 



TraveLArounD

ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1300 เรื่องแล้ว 

ส่วนท่านที่ชอบเพลง background ผมได้รวบรวมเพลงไพเราะ เพลงรัก romantic และเพลงซึ้งๆ ที่หาฟังได้ยากในสมัยนี้ ไว้หลายชุด สนใจ email ติดต่อมาได้ครับที่ nana_sara1000@ymail.com

หลังจากที่ home’s lover club ที่ ning.com ต้องปิดลงไปเพราะเขาคิดค่าใช้จ่าย จึงจำต้องย้ายที่ ตอนนี้ผมเริ่มรวบรวมภาพต่างๆ ที่เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน การจัดสวน และที่ยังไม่ได้เอามาเขียน มารวบรวมไว้ที่ facebook ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูได้นะครับ ที่ http://www.facebook.com/reqs.php#!/nanasara1000?v=photos

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส 

เรื่องและภาพจาก 
http://www.sub-find.com/trilobis65.htm
และ Popular Mechanics November 2002ที่มาww.bloggang.com/viewblog.php?id=travelaround&date=16-01-2008&group=16&gblog=19

http://52011112051g9.blogspot.com/2012/07/blog-post_24.html