หน้าเว็บ

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555


ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบูรณ์

เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ (ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง)

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา

เป็นเมืองวัฒนธรรมแบบทวารวดี และขอม สันนิฐานว่ามีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11-12 ลงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 17-18 เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ จึงถือว่าเป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย 
ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเทพารักษ์หลักเมือง บริเวณใจกลางเมืองเพชรบูรณ์ ใกล้กับศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 200 เมตร

วัดมหาธาตุ

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา

วัดมหาธาตุ มีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจาลึกอยู่ 3 แผ่น มีข้อความตามจารึกว่า "พระเจ้าเพชรบุรเป็นลูกพระญาอนรงปรดิสถาแล" เขียน เป็นคำปัจจุบันได้ "พระ เจ้าเพชรบุรเป็นลูก พระยาอันรงประดิษฐานไว้"จึงทำให้เราทราบว่า"เพชรบูรณ์"แต่เดิมนั้นเป็น "เพชรบุร"
ตั้งอยู่ถนนนิกรบำรุง ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ 

วัดไตรภูมิ

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา


เป็นวัดเก่าแก่ และเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปคู่บ้าน คู่เมือง ของจังหวัดเพชรบูรณ์ พระพุทธมหา ธรรมราชาเป็นพระพุทธรูป ทรงเครื่องสมัยลพบุรี ชาวบ้านพบในแม่น้ำป่าสักที่หน้าวัด จึงได้อันเชิญมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ อีกทั้งวัดนี้ยังเป็น สถานที่จัดประเพณีอุ้มพระดำน้ำอีกด้วย 
วัดไตรภูมิตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่บนถนน เพชรรัตน์ 

อ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีทัศนียภาพสวยงาม เงียบสงบ เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวตกปลาได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตามสั่งบริการนักท่องเที่ยวหลายร้าน อาหารที่น่าสนใจ กุ้งเต้น ปลาเผาชนิดต่างๆ 
บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
การเดินทาง 
รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองเพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 ถึงสี่แยกไฟแดง (มีป้ายบอกไปอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง) ให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 8 กิโลเมตร จะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 500 เมตร จะถึงสี่แยกเล็กๆ ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 800 เมตร ก็ถึงอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง นำรถยนต์ขึ้นไปบนสันเขื่อนทางด้ายซ้ายได้ และจอดรถหน้าร้านค้าได้ 
รถโดยสารประจำทาง นั่งรถสายเพชรบูรณ์ - ป่าแดง แล้วเดินเข้าไปอ่างเก็บน้ำประมาณ 500 เมตร 

อ่างเก็บน้ำห้วยเฉลียงลับ

ภาพที่แนบมา
เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีทัศนียภาพสวยงาม เงียบสงบ เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวตกปลาได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตามสั่งบริการนักท่องเที่ยว 
อ่างเก็บน้ำเฉลียงลับ เป็นอ่างเก็บน้ำชลประทาน แนวสันเขื่อนยาวประมาณ 2 กิโลเมตร สร้างกั้นลำห้วยเฉลียงลับ ในเขต ตำบลเฉลียงลับ อำเภอเมือง เพชรบูรณ์ อยู่ห่างจากทางขึ้นน้ำตกตาดหมอกประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บนที่สูง มีสัตว์น้ำมากมาย เหมาะสำหรับเป็นที่ตกปลา พักผ่อน ออกกำลังกายในช่วงเย็นๆ 
ที่ตั้งบ้านเฉลียงลับ ตำบลเฉลียงลับ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติตาดหมอก

ภาพที่แนบมา
อุทยานแห่งชาติตาดหมอก สังกัดหน่วยงานส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ พื้นที่มีพรรณไม้ และสัตว์ป่าหลากหลายชนิด และยังเป็นแหล่งต้นน้ำ ที่สำคัญของแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำชี โดยได้ทำการสำรวจเพื่อจัดเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อกลางปี พ.ศ.2532 และได้รับประกาศจัดตั้งเป็น อุทยานแห่งชาติ
โดยทั่วไปแล้วลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาชันสลับชับซ้อน สภาพป่าส่วนใหญ่จะเป็นป่าดงดิบ ขึ้นปกคลุมบริเวณยอดเขา ทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำ เช่น น้ำตกตาดหมอก น้ำตกสองนาง ลำด้วยบง ลำห้วยน้ำน้อย ห้วยน้ำเลา ห้วยอีมาย ฯลฯ 

ศาลหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์

ภาพที่แนบมา
หลักเมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2487 สมัยที่รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนด ระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ พ.ศ.2487 เป็นหลักเมืองที่ทำด้วยซีเมนต์ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายยกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้เป็นประธานกระทำพิธีฝัง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2487 ซึ่งปัจจุบันหลักฐานที่แสงว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นประธานกระทำพิธีฝังหลักเมืองก็ยังมีอยู่ที่ศาลหลักเมือง โดยมีภาพถ่ายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ขณะที่กำลังจะทำพิธีฝังหลักเมือง และมีข้อความเขียนบรรยาย บอกไว้ว่า "จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธาน กระทำพิธีฝัง เมื่อวันที่ 23 เมาายน 2487" ปัจจุบันหลักเมืองนี้ ได้สร้างเป็นศาลหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์ 

อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกพ่อขุนผาเมือง (สี่แยกหล่มสัก) บ้านน้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหล่มสัก ประมาณ 3 กิโลเมตร พระรูปทำด้วยโลหะ ประดิษฐานในอิริยาบทยืน พระหัตถ์ขวาทรงดาบปักดิน พระหัตถ์ซ้ายชี้ลงพื้น เป็นที่เคารพสักการะ ของชาวเพชรบูรณ์ และผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ในเส้นทางดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง 

วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์

ภาพที่แนบมา
วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ ตั้งอยู่ตำบลบุ่งน้ำเต้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ 
"น้ำตกธารทิพย์" หรือชื่อเรียกอีกนัยหนึ่งว่า "น้ำตกหมูบูด" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และชาวเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะสภาพตัวน้ำตก เป็นน้ำตกชั้นเดียว สูงประมาณ 26 เมตร กว้างราว 30 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สวยงามตระการตา และยังเป็น ต้นน้ำของห้วยน้ำคล้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดธารน้ำไหล จนกลายเป็นน้ำตก ชั้นเล็กๆ ลดหลั่นไป ตลอดสาย ขณะเดียวกันตามลำธารดังกล่าว ยังเต็มไปด้วย ตาดน้ำ แก่งหิน ลดหลั่นกันไปเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร จนแลดูสวยงาม และเต็มไปด้วยบรรยากาศ ของกลิ่นไอธรรมชาติ ที่ร่มรื่น โดยชื่อ "น้ำตกธารทิพย์" นั้น ถูกตั้งขึ้นตามชื่อ หมู่บ้านธารทิพย์ โดยแต่ก่อนนั้น หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า บ้านหมูบูด ส่วนสาเหตุที่มีชื่อเรียกเช่นนี้ก็ จากที่มีเรื่องเล่าว่า มีหญิงสาวของ หมู่บ้านนี้ แต่งงานกับ หนุ่มบ้านอื่น โดยมีการเตรียม จัดงานเลี้ยงรื่นเริงกัน และมีการฆ่าหมูฆ่าไก่มา เตรียมทำอาหารรับประทานกัน แต่ปรากฎว่าสาวบ้านนี้ รอเท่าไหร่ หนุ่มก็ไม่มากระทั่งเวลา ผ่านเลยไปจนหมูที่เตรียมไว้ทำอาหารเกิด อาการบูดเสียขึ้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อ หมู่บ้านและน้ำตกแห่งนี้ 

ถ้ำฤาษีสมบัติ

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
ถ้ำนี้มีรูปปั้นฤาษี จึงได้ชื่อว่า ถ้ำฤาษี ถ้ำนี้จึงมีความน่าสนใจในเชิงประวัติศาสตร์ เพราะในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้สั่งให้เคลื่อนย้ายทองคำแท่ง จำนวนมากจากกระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ นำมาเก็บซ่อนไว้ที่นี้ ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำเขาหินปูน บริเวณทางเข้ามีบันไดพญานาคขนาบทั้งสองข้าง นอกถ้ำมีซากป้อมปืนใหญ่ตั้งอยู่ในดงไม้ เพื่อป้องกันทรัพย์สมบัติที่ย้ายมาจากกระทรวงการคลัง ภายในถ้ำมีไฟฟ้า สว่างพอที่จะเห็นร่องรอยที่เก็บช่อนสมบัติ และมีรูปปั้นฤาษีและพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 
ถ้ำฤษีสมบัติ ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำสมบัติ ตำบลบุ่งน้ำเต้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ห่างจากอำเภอหล่มสัก ประมาณ 20 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเส้นทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) ประมาณ 2 กิโลเมตร ในปัจจุบันสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารไม่ปรากฏ นอกจากถ้ำซึ่งมองเห็นเป็นรอยก่อสร้างมั่นคงในสมัยนั้น

ข้อมูลอำเภอเขาค้อ

ภาพที่แนบมา
เขาค้อ ขอต้อนรับทุกท่านผ่านประตูสู่แหล่งท่องเที่ยว ตามธรรมชาติที่สวยงามจนได้ชื่อว่า สวิสเซอร์แลนด์ เมืองไทย ณ เขาค้อ สถานที่แห่งนี้ มีมนต์เสน่ห์ที่เราอยากให้ท่านมาเยือน และมาชื่นชมกับความงามตามธรรมชาติ น้ำตกที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ที่คนไทยทุกคนต้องจารึกอนุสาวรีย์ และซากอดีตแห่งความความขัดแย้ง ของลัทธิการเมือง พระตำหนักเขาค้อ ภูหินร่องกล้า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สัมผัสทุ่งหญ้าสวัลนา ในเมืองไทย ทะเลสายหมอก ความงดงามเหล่านี้คุณสามารถแสวงหาได้ทุกฤดูกาล มีทัศนียภาพอันสวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะสำหรับการ พักผ่อน และท่องเที่ยว ทัศนียภาพและความงดงามไม่แพ้เมืองตากอากาศในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 

เนินมหัศจรรย์

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
มีลักษณะเป็นทางขึ้นเนินเมื่อ จอดรถดับเครื่อง และปล่อยเกียร์ว่าง รถจะไหลขึ้นเนินสูงอย่างน่าอัศจรรย์ ไปเองประมาณ 10 เมตร และจากการพิสูจน์ ปรากฏการณ์ดังกล่าว เกิดจากภาพลวงตา เนื่องจากวัดระดับ ความสูงของเนินจะมี ระดับต่ำกว่า ช่วงที่เป็นทางขึ้นเนิน ดังนั้นรถจึงถอยหลังตามแรงโน้มถ่วงของโลก
การเดินทาง
จากเพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 (เพชรบูรณ์-หล่มสัก) ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงสามแยกนางั่ว เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2258 เริ่มหลักกิโลเมตรที่ 0 เนินมหัศจรรย์ จะอยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 17-18

จากทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เมื่อได้เที่ยวเขาค้อเต็มอิ่มแล้ว เมื่อมาถึงสามแยกสะเดาะพง เพื่อจะกลับเพชรบูรณ์ ในเส้นทางหลวงหมายเลข 2258 มายังสามแยกนางั่ว เนินมหัศจรรย์ จะอยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 17-18 หยุกรถทดสอบได้ ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจะมีรถจอดทดสอบมาก มาถึงช่วงนี้ต้องระวังให้มากๆ 


พระตำหนักเขาค้อ

ภาพที่แนบมา
พระตำหนักเขาค้อ เป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตร เมื่อยืนอยู่บริเวณพระตำหนัก จะมองเห็นทัศนียภาพสวยงามมาก เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ มาทรงทำการเปิดอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ได้ทรงปรารภว่า บริเวณเขาย่า มีพื้นที่สวยงาม น่าจะจัดทำโครงการ อะไรสักอย่างหนึ่งเพื่ออนุรักษ์ป่า ดังนั้นพระตำหนักเขาค้อ จึงได้ สร้างขึ้น เมื่อเดือน กรกฎาคม 2527 จากความร่วมมือ ของหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ องค์พระบาท สมเด็จพระเจ้า อยู่หัว สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาส ที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยม งานในโครงการพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิด พระตำหนักเขาค้อ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2528 


หอสมุดนานาชาติเขาค้อ

ภาพที่แนบมา

ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 4 ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ ตรงข้ามทางแยกขึ้นอนุสรณ์เขาค้อ 

มีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ ออกแบบอย่างสวยงาน เป็นรูปเพชรคว่ำ สร้างด้วย กระจกสะท้อนแสง ด้านหน้าจัดทำเป็นส่วนดอกไม้ นานาพันธ์ ส่วนมากเป็นไม้เมืองหนาว ออกดอกสวยงาม มีพระเจดีย์บรรจุพระพรมสารีริกธาตุ อันเชิญมาจาก ประเทศศรีลังกา และมีหลวงพ่อทบ ขนาดเท่าของจริงเกจิอาจารย์ ที่นับถือของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ประดิษฐาน บริเวณหอสมุดนานาชาติเขาค้อ ภายในแบ่งหอสมุดแบ่งพื้นที่บริการเป็น 3 ส่วน 

พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ

ภาพที่แนบมา
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ที่ได้อัญเชิญมาจาก ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2536 สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาส ทรงครองราชย์ 50 ปี และเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ตลอดนักท่องเที่ยว ในวันสำคัญทางศาสนา จะมีประชาชน และนักท่องเที่ยวร่วมกัน ประกอบพิธี ทางศาสนาเป็นประจำ เช่น พิธีเวียนเทียน มีหลวงพ่อทบขนาดเท่าของจริงเกจิอาจารย์ ที่นับถือของชาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ประดิษฐานใกล้กับเจดีย์
ตั้งอยู่ที่บ้านกองเนียม หมู่ที่ 4 ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ ตรงข้ามทางแยกขึ้นอนุสรณ์ อยู่ติดกับหอสมุด นานาชาติเขาค้อ
การเดินทาง จากสี่แยกสะเดาะพง ไปตามทางหลวงหมายเลข 2196 ประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าหอสมุด ให้เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 500 เมตร จะถึงที่จอดรถ แล้วเดินเท้าผ่านแปลงดอกไม้ ไปหอสมุดติดกันทางด้านขวา คือ เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ

พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานอิทธิ)

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานอิทธิ) ตั้งชื่อตาม พันเอก อิทธิ สิมารักษ์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ยึดพื้นที่เขาค้อคืนจาก ผกค.ในปี พ.ศ.2524 บริเวณนี้เคยเป็นฐานปืนใหญ่ ยิงสนับสนุนการ สู้รบ ปัจจุบันจัดให้ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ใช้ในการสู้รบตั้งอยู่มากมาย เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ 5 รถสายพานลำเลียงพล ปืนใหญ่ ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. จำนวน 2 กระบอก ปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. ยิงได้ไกล 11 กิโลเมตร 1 กระบอก ฯลฯ 
ภายในอาคารมีห้องบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ ในยุทธภูมิเลือดเขาค้อ มีห้องจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับอุปกรณ์ เครื่องใช้ เสื้อผ้า อาวุธของคอมมิวนิสต์ ส่วนด้านนอกอาคารยังมีฐานอาวุธ จัดแสดงอาวุธยุทโธปากรณ์ เช่น ซากปืนใหญ่ รถถัง รถแทรกเตอร์ บังเกอร์หลบภัย แต่ละจุดมีป้ายประวัติพร้อมคำอธิบายประกอบ 
เปิดเวลา 07.00 – 17.00 น. 
ค่าเข้าชม 10 บาท 
กรณีมาเป็นหมูคณะ จะจัดเจ้าหน้าที่บรรยายสรุปและฉายวีดีโอ การต่อสู้ที่เขาค้อให้ชม 
ตั้งอยู่บนเขาค้อ บริเวณฐานอิทธิ บ้านสิมารักษ์ หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งเสมอ อำเภอเขาค้อ 
การเดินทาง จากสี่แยกสะเดาะพง ไปตามทางหลวงหมายเลข 2196 ถึงสามแยกรื่นฤดี ให้เลี้ยวซ้าย ขึ้นเขาไปประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงนี้ทางจะชันมาก จะเห็นพิพิธภัณฑ์ อยู่ทางด้านขวา 

อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ

ภาพที่แนบมา
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ได้มาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2526 โดยสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาค ของประชาชนและ ข้าราชการทุกฝ่าย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ได้เสด็จฯ มาเป็นองค์ประธานประกอบ เปิดอนุสรณ์แห่งนี้ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่า "ยามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้าหาญ 1,171 ชีวีต ที่จารึกไว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก" ทางจังหวัด เพชรบูรณ์ ได้กำหนดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ให้เป็นวันสมโภช อนุสรณ์สถาน ผู้เสียสละเขาค้อแห่งนี้ 
ด้านตรงข้ามเป็นฐานกรุงเทพ เป็นเนินเตี้ยๆ มีหลุมหลบภัย มีฐานยิงปืนใหญ่สนับสนุนการสู้รบกับ ผกค. ในอดีดเป็นฐานแห่งแรกที่ทหารไทยยึดคืนมาได้จาก ผกค. และเป็นจุดวางแผนในการปฎิบัติงานวางแผนในการสู้รบ เมื่อยืนอยู่ที่ฐานกรุงเทพ สามารถมองเห็นเส้นทางคดเคี้ยว ที่เชื่อมต่อกัน เห็นทัศนียภาพของอำเภอเขาค้อ ได้ชัดเจนที่สุด เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก..
อ่านต่อ>>

พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
ที่ยอดเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยส่วนราชการ พลเรือน และประชาชนชาวไทย ได้ร่วมจัดสร้างน้อมเกล้าถวาย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539 และเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน วโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน และทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2543 
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ออกแบบ ให้มีเอกลักษณ์ ศิลปพุทธสถานทางภาคเหนือ และเป็นสถาบัตยกรรม สมัยสุโขทัย และรัตนโกสินทร์ ประยุกต์ ที่ผนังของฐานด้านล่าง เป็นแบบย่อมุม ไม้สิบสอง ซึ่งมีการใช้ตั้งแต่สมัยอยุธยา ฐานชั้นบน มีผนังเป็น 8 เหลี่ยม เป็นลักษณะที่มีการใช้ตั้งแต่ สมัยทวารวดี บริเวณเหนือซุ้มคูหา ตอนบนของ องค์เจดีย์ เป็บกลีบบัวรับองค์ ระฆังทรงกลม แบบสมัย อยุธยา ถัดขึ้นไปตอนบนเป็นบัลลังค์รับบัวกลุ่ม 5 ชั้น ทางคติมีความหายถึงพระเจ้า 5 พระองค์ 
การเดินทางจากสี่แยกสะเดาะพง ไปตามทางหลวงหมายเลข 2196 ผ่านที่ว่าการอำเภอเขาค้อไป ประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อยู่ติดถนนด้านขวา

อ่างเก็บน้ำรัตนัย

ภาพที่แนบมา
อยู่บนทางหลวงหมายเลข 2325 เลยหลักกิโลเมตรที่ 5 ไปประมาณ 100 เมตร จะเห็นทางเข้าอ่างเก็บน้ำทางด้านซ้ายมือ เข้าไปตามทางเดินอีกประมาณ 400 เมตร อยู่ใกล้กับ ที่ทำการอำเภอเขาค้อ 
อ่างเก็บน้ำรัตนัย เป็นโครงการชลประทานขนาดเล็กตามพระราชดำริ เก็บน้ำความจุประมาณ 2,020,000 ลูกบาศก์เมตร บนเนื้อที่ 1,600 ไร่ มีอาคารระบายน้ำล้นกว้าง 15 เมตร พร้อมทำนบดินสูง 15 เมตร ยาว 250 เมตร ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2530 ประโยชน์เพื่ออุปโภค บริโภคและเกษตรกรรม 
ในบริเวณอ่างเก็บน้ำจะมีลักษณะคล้ายกับทะเลสาบ เหมาะสำหรับการเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ของนักท่องเที่ยว และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของอำเภอเขาค้อ

น้ำตกศรีดิษฐ์

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี เป็นน้ำตกชั้นเดียว สายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินกว้าง มองเห็นคล้ายม่านน้ำ ตกลงสู่เบื้องล่างกระทบหินน้ำกระเซ็นสวยงาม ในช่วงฤดูฝนน้ำจะมีปริมาณมาก ในฤดูร้อนน้ำจะไหลเอื่อยๆแต่ไม่แห้งขอด มีลานกว้าง สำหรับเล่นน้ำ 
บริเวณใกล้ ๆ น้ำตกมาเล็กน้อยมีบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่ที่ใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการของ ผกค. และครกกระเดื่องตำข้าว โดยใช้พลังน้ำ อยู่บริเวณเชิงสะพานไม้ ทางเดินเข้าน้ำตก ซึ่งเมื่อก่อนพวกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เคยใช้ตำข้าวมาก่อน อาศัยพลังน้ำช่วยผลักให้กังหันไม่หมุน ทำให้สากไม้กระดก และเสียงน้ำตกจะช่วยกลบเสียงครกตำข้าวได้เป็นอย่างดี 
การเดินทาง จากสามแยกหนองแม่นา บ้านหนองแม่นา ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2325 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร จะเห็นป้ายทางเข้าน้ำตกศรีดิษฐ์ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงลานจอดรถ เดินเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะถึงตัวน้ำตก

สวนสัตว์เปิดเขาค้อ

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับผิดชอบโดยกองอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ มีสัตว์ป่าเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์หลายชนิด เช่น กระทิง กวาง ละมั่ง กระจง หมู่ป่า ลิง เม่น นกนานาชนิด และ จามรี ที่เพิ่งจะได้รับมาจากประเทศจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่เป็นสภาพป่าตาม ธรรมชาติ เส้นทางเข้า-ออก เชื่อมติดต่อกับสถานีทดลองเกษตรที่สูงเขาค้อ
การเดินทาง เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2325 ทางเข้าจะอยู่ระหว่างบ้านรัตนัย-บ้านป่าแดง (น้ำตกศรีดิษฐ์) โดยอยู่ห่างจาก น้ำตกศรีดิษฐ์ประมาณ 6 กิโลเมตร 

ไร่ บี.เอ็น.

ภาพที่แนบมาภาพที่แนบมา
เป็นไร่ที่ผลิตพืช ผัก ผลไม้ และดอกไม้เมืองหนาว 1,000 กว่าไร่ ได้เริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2512 โดยคุณบรรเจิด คุ้นวงศ์ ผู้ซึ่งสั่งสมประสบการณ์ เชิงวิชาการแผนใหม่ ปัจจุบันมีทายาทเข้ามาดูแลแทน คือ นายจุลพงษ์ คุ้นวงษ์ (บุตรชาย) 
เริ่มจากการทำสวนลิ้นจี่เป็นอย่างแรก และได้พัฒนาปรับปรุงสายพันธ์มาตลอดตลอด ซึ่งทางไร่ยังนำพันธุ์ไม้ผลต่าง ๆ มาปลูกเพิ่มหลายชนิด เช่น มะม่วง อโวคาโด พลับ ลำใย น้อยหน่าออสเตรเลีย ปี่แป๊ และในช่วงการรอคอยการเก็บเกี่ยว ไม้ผล ได้ปลูกพืชผักพันธุ์ต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย ระยะแรกปลูกพืชผักท้องถิ่น พวกกะกล่ำปลี กระหล่ำดอก ผักกาดขาว ผักกาดหัว ถั่วแขก ถั่วลันเตา ฯลฯ ซึ่งการตลาดไม่แน่นอน จึงหันมาปลูกพืชผักที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในกรุงเทพฯ ต้องการ เช่น ผักกาดแก้ว แครอท บีทรูธ แรดิช มะเขือม่วง บร็อคโคลี่ แตงกวาญี่ปุ่น เพราะมีตลาดที่แน่นอน ส่วนประเภทดอกไม้ที่ปลูก เช่น เบร์ดออฟพาราไดซ์ ลิลลี่ แกลดิโอลัส ดาหลา ตระกูลเอลิโกเนีย ฯลฯ ภายในไร่ จะมีการจำหน่าย ผัก ผลไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ มากมายตามฤดูกาล 
ตั้งอยู่ริมถนนสายแคมป์สน-สะเดาะพงษ์ หมู่ที่ 11 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ 

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)

ภาพที่แนบมา
สภาพภูมิประเทศทั่วไป มีลักษณะเป็นภูเขาคล้ายหลังเต่าสูง ๆ ทางด้านตะวันตกเป็นเทือกเขา หินปูนทอดเป็นแนวยาวเหนือใต้ ตอนกลาง ประกอบด้วยเทือกเขาสูงหลายแห่ง มีจุดสูงสุด คือบริเวณเขาแค สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,028 เมตร อันเป็น ต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยเข็กใหญ่ ห้วยเข็กน้อย ลำน้ำทุ้ม คลองชมพู และคลองวังทอง มีสภาพธรรมชาติ ทิวทัศน์ และเอกลักษณ์ ทางธรรมชาติ ที่สวยงามอันเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ แบบสะวันนาสลับป่าสน และป่าดิบชื้น ที่สมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งของประเทศไทย 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)

ภาพที่แนบมา
เป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนา อยู่ห่างจากที่ทำการฯ หนองแม่นาประมาณ 25 กิโลเมตร ตามเส้นทางจะตัด ผ่านป่า เบญจพรรณ จากสภาพที่เป็นพื้นที่ ทุ่งหญ้าโล่งกว้างใหญ่ มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง มีพันธุ์ไม้ดอกต่าง ๆ และต้นสนสองใบขนาดใหญ่ ขึ้นแทรกอยู่มากมาย 

ทุ่งนางพญา

ภาพที่แนบมา
อยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการฯ หนองแม่นาประมาณ 15 กิโลเมตร สภาพทั่วไปเป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนา ล้อมรอบด้วย ป่าสนเขา และป่าดิบเขา ต้นสนที่ขึ้นอยู่ในป่าแห่งนี้มีขนาดสูงใหญ่มากกว่าที่ใด ๆ ในประเทศไทย ตามกิ่งสน จะพบป่าไม้อิงอาศัย ที่หาชมได้ยาก นั่นคือเอื้องชะนี และเอื้องคำปากไก

ทุ่งโนนสน

ภาพที่แนบมา
เป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนเขา ตั้งอยู่ใจกลางอุทยาน บนยอดเขาโคกสน ลักษณะคล้ายทุ่งแสลงหลวง และทุ่งนางพญา ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีดอกไม้หลายชนิด ผลัดกันเบ่งบานสะพรั่ง เช่น ดุสิตา เอื้องม้าวิ่ง กระดุมเงิน กระดุมทอง เอื้องนวลจันทร์ ยี่โถปีนัง หงอนนาค หม้อข้าวหม้อแกงลิง หยาดน้ำค้าง ฯลฯ เหมาะแแก่การเดินป่า และพักแรม โดยเดินทาง จากที่ทำการฯ หนองแม่นา ประมาณ 31 กิโลเมตร เป็นทางรถยนต์ประมาณ 17 กิโลเมตร เดินเท้า 14 กิโลเมตร 

แก่งวังน้ำเย็น

ภาพที่แนบมา
ห่างจากที่ทำการฯ หนองแม่นาประมาณ 7 กิโลเมตร อยู่ระหว่างเส้นทางเดียวกับทุ่งโนนสน ระหว่างเส้นทาง นั้นสภาพ ป่าจะค่อยๆ เปลี่ยนไป จากทุ่งหญ้าป่าเต็งรัง สลับด้วยป่าสนและป่าเบญจพรรณ ส่วนบริเวณป่าดิบชื้นริมลำธารน้ำตก จะมีความหลากหลาย ของพืชพรรณไม้ใหญ่ที่พื้นป่าก็มีพรรณไม้แปลกตาขึ้นอยู่มากมาย อย่างพืชจำพวกเฟิร์นและบอนต่าง ๆ 

อุทยานน้ำหนาว ข้อมูลทั่วไป

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ป่าน้ำหนาวเป็นเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือสภาพพื้นที่ทั่วไป เป็นเทือกเขาสูงทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะภูผาจิต ภูกุ่มข้าว และเทือกเขาโดยรอบประกอบขึ้นเป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของลำธารสายยาว เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย ห้วยขอนแก่น ห้วย น้ำเขิญ ซึ่งไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนจุฬาภรณ์
โดยทั่วไปอากาศหนาวเย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม ส่วนใหญ่ฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก จนบางครั้งน้ำค้างจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม ซึ่งในบางปีอุณหภูมิจะลดต่ำถึงศูนย์องศาเซลเซียส
อ่านต่อ>>

อุทยานน้ำหนาว สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

ถ้ำผาหงษ์(จุดชมพระอาทิตย์ตก)

ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 39 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) ระยะทางเดินเท้าประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นเขาสูง มีทางเท้าเดินขึ้นยอดเขาประมาณ 200 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม
กิจกรรม : - เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา




สวนสนบ้านแปก (ดงแปก)

ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 49 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) ระยะทางเดินเท้าประมาณ 5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าสนสองใบขึ้นอยู่เป็นกลุ่มใหญ่เพียงชนิดเดียวตามธรรมชาติ ต้นไม้พื้นล่างประกอบด้วยทุ่งหญ้าและหญ้าเพ็กเป็นจำนวนมาก มีความสวยงาม




สวนสนภูกุ่มข้าว

ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 53 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) มีทางลูกรังมาตรฐานจากแยกกิโลเมตรที่ 53 ถึงสวนสนภูกุ่มข้าว ระยะทาง 15 กิโลเมตร เป็นป่าสนสามใบ มีต้นสนขนาดใหญ่มีความสูงตั้งแต่ 30-40 เมตร ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ อย่างหนาแน่นแทบไม่มีไม้อื่นปะปนอยู่ มีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ไม้พื้นล่าง ประกอบด้วยทุ่งหญ้าคา หญ้าเพ็กจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในฤดูแล้ง ทุ่งหญ้าใต้ต้นสนจะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลแก่ พอถึงฤดูฝนใหม่ทุ่งหญ้าเหล่านี้ก็จะกลับเขียวอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ไป โดยเฉพาะฤดูฝนตาม ทุ่งหญ้าจะมีพันธุ์ไม้หลากสี นานาพรรณขึ้นอยู่ อย่างสวยงามมาก บริเวณสวนสนนี้ มีเนินเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง เรียกว่า “ภูกุ่มข้าว” สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 880 เมตร เป็นเนินเขาที่เป็น จุดเด่นจุดหนึ่ง ท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนบนเนินเขาภูกุ่มข้าว จะเห็นแนวยอดสนอยู่ในระดับสายตา สามารถมองเห็นแนวยอดสนเป็นแนวติดต่อกันทั้งสี่ด้านของภูกุ่มข้าว ดูแล้วจะเห็นคล้ายๆ ท้องทะเลของยอดสน เมื่อมองไปทางทิศใต้จะเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ (น้ำพรม) ที่กว้างใหญ


น้ำตกเหวทราย

ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 67 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) ระยะทางเดินเท้า 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยสนามทราย ซึ่งมีต้นน้ำที่ป่าดงดิบ ไหลผ่านป่าซำผักคาว ลำห้วยสนามทรายนี้ เป็นแนวธรรมชาติที่แบ่งเขตแดนระหว่างกิ่งอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ กับอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ น้ำตกเหวทราย เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร บริเวณด้านใต้น้ำตกมีแอ่งน้ำลึกสามารถลงเล่นน้ำ และใต้น้ำตกมีชะง่อนหินขนาดใหญ่ เป็นเพิงสามารถพักแรมหลบฝนได้ บรรยากาศบริเวณลำห้วยน่าเดินเล่น มีต้นไม้ปกคลุมตลอด ในฤดูฝนน้ำตกมีปริมาณน้ำมากและสวยงามมาก

น้ำตกทรายทอง

เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างจากน้ำตกเหวทรายประมาณ 500 เมตร มีความกว้างที่สุดประมาณ 30 เมตร สูง 4 เมตร มีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำตกมีประมาณน้ำมากตกลงมาเป็นหน้ากว้าง 30 เมตร สวยงามมากเช่นเดียวกัน
กิจกรรม : ดูผีเสื้อ - เดินป่าศึกษาธรรมชาติ - เที่ยวน้ำตก 

ถ้ำใหญ่น้ำหนาว (ภูน้ำริน)

ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 60 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-อำเภอหล่มเก่า บ้านหินลาด มีทางลูกรังรถยนต์เข้าถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติถ้ำใหญ่ถ้ำน้ำหนาวประมาณ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเขาหินปูนสูงประมาณ 955 เมตร ทำให้เกิดเป็นถ้ำ น้ำหนาว เป็นถ้ำใหญ่มีความงามวิจิตรพิศดารโดยธรรมชาติ มีหินงอกหินย้อยและที่แปลกที่สุดคือ มีน้ำไหลหรือน้ำรินออกจากปากถ้ำ ภายในถ้ำยังเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมากอีกด้วย
กิจกรรม : เดินป่าศึกษาธรรมชาติ - เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา
เพิ่มเติม ข้อมูลท่องเที่ยว อุทยานน้ำหนาว>>




อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

ภาพที่แนบมา
ชื่อเมืองศรีเทพปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในเอกสารนิทานโบราณคดีโดยมีข้อมูล ว่าสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจ ราชการมณฑลเพชรบูรณ์เมื่อ พ.ศ.2447 ทรงตั้งพระทัยสืบหาโดยที่เคยพบชื่อเมืองศรีเทพในทำเนียบเก่าบอกรายชื่อหัวเมือง และในสมุดดำเล่ม หนึ่งว่ามีเส้นทางหนึ่งไปยังสระบุรีเมืองชัยบาดาล เมืองศรีเทพ และเมืองเพชรบูรณ์ ทรงตั้งสมมุติฐานว่า เมืองศรีเทพคงอยู่ ในลุ่มแม่น้ำป่าสัก ระหว่าง เมืองชัยบาดาลกับเมืองเพชรบูรณ์และ พบว่าในป่าแดงใกล้เมืองวิเชียรบุรี มีเมืองโบราณ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อเมืองี่ อภัยสาลีซึ่งเป็นชื่อที่พระธุดงค์ และชาวบ้านเรียกขานกันตาม ตำนานนิทานพื้นบ้านเมื่อเสด็จมาสำรวจ เมืองอภัยสาลีได้พบโบราณวัตถี่ ุโบราณสถานต่าง ๆ มากมายได้สันนิษฐานว่า เมืองโบราณแห่งนี้คงจะเป็นเมืองเดียวกับ เมืองศรีเทพี่ ที่ปรากฏชื่อ อยู่ในเอกสาร นับได้ว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเรียกชื่อเมืองแห่งนี้ว่า เมืองศรีเทพเป็นพระองค์แรก และมีการเรียกขานชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน เมืองศรีเทพ สร้างขึ้นในสมัยยุคขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐาน ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว และมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม ซึ่งสันนิษฐานว่า จะอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึง 18 เป็นดินแดนแห่งตำนานที่เคยเป็นมหานคร ที่เจริญรุ่งเรือง มาก่อนเช่นเดียวกับเมืองที่ ดงศรีมหาโพธิ์ ในจังหวัดปราจีนบุรีมีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีเนื้อที่ 2,889 ไร่ คาดว่าจะมีคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อาศัยอยู่ก่อนแล้ว มีการพัฒนาต่อเนื่องขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจะเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น และ กลายเป็นเมืองศรีเทพ ที่มีการรับทั้งศาสนาพุทธและฮินดูเข้ามาในช่วงต่างๆ อ่านต่อ>>

สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

โบราณสถานเขาคลังใน


เป็นโบราณสถานที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม ผังพื้นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก มีฐานมีปูนปั้นรูปบุคคล และสัตว์ประดับ เป็นศิลปะแบบทวารดีลักษณะผังเมือง จะเห็นว่าเขาคลังในตั้งอยู่เกือบกลางเมือง เช่นเดียวกับเมืองทวารดี หรือเมืองอื่นๆ เช่น นครปฐมโบราณ เมืองคูบัว ราชบุรี และจากรายละเอียดปูนปั้น บุคคลและลวดลาย มีลักษณะศิลปะแบบเดียวกับ ที่พบที่เมืองคูบัว โบราณสถาน บ้านโคก ไม้เดน จังหวัดนครสวรรค์ และวัดนครโกษา จังหวัดลพบุรี อายุสมัยการก่อสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 – 12


ปรางค์ศรีเทพ

เป็นสถาปัตยกรรมแบบศิลปะเขมร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ลักษณะของปรางค์สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง ส่วนฐานล่างก่อด้วยศิลาแลง เป็นฐานบัวลูกฟักแบบเดียวกับ สถาปัตยกรรมเขมรทั่ว ๆ ไป เรือนธาตุก่อด้วยอิฐ ในการขุดค้นบริเวณนี้ พบชิ้นส่วนทับหลังรูปลาย สลักราวพุทธศตวรรษที่ 16 –17 ซึ่งน่าจะเป็นการสร้างเพิ่มหลังจากโบราณ สถานเขาคลังใน ต่อมาประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 มีการพยายามจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ไม่สำเร็จ โดยได้พบชิ้นส่วนทิ้งกระจัดกระจาย


ปรางค์สองพี่น้อง

ลักษณะเป็นปรางค์ 2 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เช่นเดียวกับปรางค์ศรีเทพ มีประตูทาง เข้าทางเดียว จากการขุดแต่งทางโบราณคดี พบทับหลังที่มีจำหลักเป็นเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตี ประทับนั่งอยู่เหนือโคอศุภราช ซึงมีลักษณะของทับหลัง และเสาประดับกรอบประตู เป็นสิ่งกำหนดอายุของปรางค์ ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 –17 เป็นศิลปะขอมแบบ บาปวน ต่อนครวัด และได้มีการสร้างปรางค์องค์เล็กเพิ่มโดยพบร่องรอยการสร้างทับกำแพงแก้ว ล้อมรอบปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งอยู่ใต้ ปรางค์องค์เล็ก และยังมีการก่อปิดทางขึ้น โดยเสริมทางด้านหน้าให้ยื่นออกมา และก่อสร้างอาคารขนาดเล็กทางทิศเหนือเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ระหว่างตัวปราสาททั้งสองแห่ง คือปรางค์สองพี่น้องและปรางค์ศรีเทพ มีกำแพงล้อมรอบ และมีอาคารประรำพิธีขนาดเล็ก กระจัดกระจาย อยู่ทั่วไป แสดงให้เห็นถึงลักษณะการวางผัง ในรูปของศาสนสถานศิลปะเขมรแบบเดียวกับ ที่พบในภาคอีสานของประเทศไทย


สระแก้วสาระขวัญ

สระแก้วจะอยู่ทางทิศเหนือด้านนอกเมือง ส่วนสระขวัญอยู่ภายในบริเวณเมือง สระน้ำทั้งสองสระ จะมีน้ำขังอยู่ตลอด เป็นน้ำที่เชื่อกันว่า ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในอดีตได้นำน้ำจากสระทั้งสอง ไปประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา



โบราณสถานอื่น ๆ

นอกจากโบราณสถานหลักแล้วยังมีโบราณสถานย่อย ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เช่น ทิศใต้ของเขาคลังใน พบโบสถ์ก่อด้วยศิลาแลง พบใบเสมาหิน บริเวณใกล้หลุมขุดค้นมีโบราณสถาน รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสมัยทวารวดี และมาก่อสร้างทับในระยะที่มีการ รับเอาศาสนา พราหมณ์เข้ามา จึงเห็นได้ว่าบริเวณเมืองชั้นเดิม น่าจะเป็นเมืองแบบทวารวด และมีการสร้างสถาปัตยกรรมเขมร ในระยะหลังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทางทิศใต้ยังอาคารมณฑปแบบทวารวดี ขนาดใหญ่และมีการพยายามเปลี่ยนแปลง ให้เป็นเทวาลัยประมาณต้นศตวรรษที่ 18 แต่ไม่สำเร็จ เช่นเดียวกับปรางค์ศรีเทพ

ที่มา http://www.tourphetchabun.com/modules.php?...page&pid=50

ท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์

ประวัติศาสตร์จังหวัดเพชรบูรณ์>> 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น